วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2556

CMS

ประวัติความเป็นมาของ CMS

                เริ่มต้นจาก อินเทอร์เน็ตได้ถือกำเนิดขึ้นมา โลกของเราก็เปลี่ยนแปลงไปมากมาย โดยเฉพาะเรื่องของการติดต่อสื่อสารที่ทำได้ด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น และการพัฒนาของภาษาหรือซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับอินเทอร์เน็ตก็เติบโตขึ้นมามากเช่นกัน
ถ้าจะกล่าวถึงเมื่ออดีต ภาษา HTML คงเป็นภาษาที่ยอดนิยมในการที่จะทำการสร้างเว็บเพจหรือเว็บไซต์ขึ้นมา แต่ต่อมาก็ได้มีการพัฒนาภาษาในการทำเว็บไซต์ขึ้นมาอีกมากมาย และภาษาที่นิยมมากตัวหนึ่งจนมาถึงปัจจุบันก็คือภาษา PHP เนื่องจากสามารถโหลดมาใช้งานได้ง่ายและมีตัวอย่างให้เลือกใช้มากมาย ซึ่งสิ่งนี้เองก็เป็นต้นกำเนิดของการทำเว็บไซต์แนวใหม่ที่เรียกว่า CMS

ความหมาย

           CMS ย่อมาจาก Content Management System เป็นระบบที่นำมาช่วยในการสร้างและบริหารเว็บไซต์แบบสำเร็จรูป โดยในการใช้งาน CMS นั้นผู้ใช้งานแทบไม่ต้องมีความรู้ในด้านการเขียนโปรแกรม ก็สามารถสร้างเว็บไซต์ได้ โดยที่ตัว CMS เองมีโปรแกรมประยุกต์ พร้อมใช้งานอยู่ภายในมากมาย

ลักษณะของ CMS

              ลักษณะเด่นของ CMS ก็คือ มีส่วนของ Administration panel (เมนูผู้ควบคุมระบบ) ที่ใช้ในการบริหารจัดการส่วนการทำงานต่างๆในเว็บไซต์ ทำให้สามารถบริหารจัดการเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว และเน้นที่การ จัดการระบบผ่านเว็บ (Web interface) ในลักษณะรูปแบบของ ระบบเว็บท่า (Portal Systems) โดยตัวอย่างของฟังก์ชันการทำงาน ได้แก่
- การนำเสนอบทความ (Articles)
- เว็บไดเรคทอรี (Web directory)
- หัวข้อข่าว (Headline)
- รายงานสภาพดินฟ้าอากาศ (Weather)
- เผยแพร่ข่าวสารต่างๆ (News)
- ข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจ (Information)

ประเภทของ CMS ในการสร้าง Website

1. Blog – บล็อก หรือ เว็บบล็อก เป็นเว็บประเภทหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการประกาศข่าว การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ผลงาน ฯลฯ
2. E-Commerce (อีคอมเมิร์ซ) – เป็น CMS ส่วนของการทำร้านค้า Online สามารถที่จะใช้ในการซื้อของ ซึ่งสามารถที่จะเพิ่มรายการสินค้า ราคา ทำหน้าร้านได้ กำลังได้รับความนิยมขึ้นมาเรื่อยๆ
3. E-Learning เป็น CMS ที่ใช้ในการทำงานสื่อการเรียนการสอน หรือ CAI แต่สามารถที่จะทำเป็นระบบ Online ได้ เหมาะสำหรับ กระเป๋านักเรียน ครู คณาจารย์ หรือสถานศึกษาต่างๆ สามารถสร้างแบบทดสอบต่างๆได้
4. Forums (กระดานข่าว) – เป็น CMS ที่ใช้ในการตั้งกระทู้ถามตอบปัญหาหรือทำเป็นชุมชนต่างๆ โดยจะมีการแบ่งเป็นหัวข้อหรือหมวดต่างๆ ตามความสนใจของผู้เข้าชม
5. Groupware – เป็น CMS ที่ออกแบบมาเพื่อที่จะช่วยการทำงานในองค์หรือหน่วยงานให้มีความสัมพันธ์กัน และมีความรวดเร็วในการทำงาน สามารถทำงานเป็นทีมและควบคุมการทำงานได้
6. Image Galleries – เป็น CMS ที่กำลังได้รับความนิยมอีกตัวหนึ่งเลยก็ว่าได้โดย CMS ประเภทนี้จะใช้ในการจัดการอัลบั้มภาพหรือทำ Galleries ก็จะมีฟังก์ชันในการใช้งานโดยการแบ่งเป็นหมวดหมู่ของภาพ สามารถกำหนดขนาดภาพ ขนาดไฟล์ หรือบางตัวสามารถที่จะทำการย่อภาพลงมาตามที่กำหนดได้เอง

รูปแบบการทำงานของ CMS

           มีการแบ่ง CMS นั้นอยู่หลายรูปแบบด้วยกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับประโยชน์ที่ใช้แบ่งตามรูปแบบการพัฒนาCMS เพื่อการค้าขาย เป็นการสร้างขึ้นมาเพื่อการค้าขาย จะเป็นรูปแบบที่มีการพัฒนาที่มีความสามารถที่ดีและหลากหลายด้วย CMS แบบฟรีแวร์เป็นการสร้างเพื่อประโยชน์แก่สาธารนะชนโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆในการใช้งานเป็นเภทนี้ในปัจจุบันก็มีความสามารถที่หลากหลายเช่นกันเพราะโปรแกรมเมอร์ที่เข้ามาพัฒนานั้นได้ร่วมกันสร้างในมีความสามารถที่ดีและมีหลายชื่อ และความสามารถที่แตกต่างกัน CMS ที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานเองหรือภายในองค์กร ในหลายอย่างที่ต้องการ CMS ที่มีความสามารถเฉพาะทาง จำต้องมีการพัฒนาเอง

การประยุกต์ใช้กับการศึกษา

           ระบบ CMS สามารถนำมาประยุกต์ในงานต่างๆ ได้หลากหลาย ในด้านการศึกษา สามารถใช้ในการสร้างเว็บไซต์สถาบันการศึกษา อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของระบบ E-Learning เป็น CMS ที่ใช้ในการทำงานสื่อการเรียนการสอน หรือ CAI แต่สามารถที่จะทำเป็นระบบ Online ได้ เหมาะสำหรับ เป็น กระเป๋านักเรียน ครู คณาจารย์ หรือสถานศึกษาต่างๆ สามารถสร้างแบบทดสอบต่างๆได้ ทำให้เกิดความสะดวกสบาย ในการเรียนการสอนทำให้เกิดประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่

ข้อดีของ CMS

1.ผู้ใช้งานไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องการทำเว็บไซต์ เพียงแค่เคยพิมพ์ หรือเคยโพส ข้อความใน อินเทอร์เน็ต ก็สามารถมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองได้
2.ไม่เสียเวลาในการพัฒนาเว็บไซต์ ไม่เสียเงินจำนวนมาก
3.ง่ายต่อการดูแล เพราะมีระบบจัดการทุกอย่างให้เราหมด
4.มีระบบจัดการที่เราสามารถหามาใส่เพิ่มได้มากมาย อย่างเช่น ระบบแกลลอรี่
5.สามารถเปลี่ยนหน้าตาเว็บไซต์ได้ง่ายๆ เพียงแค่โหลดทีม (Theme) ของ CMS นั้นๆ

ข้อเสียของ CMS

1.ในกรณีที่ผู้ใช้ต้องการออกแบบทีม (หน้าตาของเว็บ) เอง จะต้องใช้ความรู้มากกว่าปรกติ เนื่องจาก CMS มีหลายๆระบบมารวมกันทำให้เกิดความยุ่งยาก สำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้
2.ผู้ใช้จะต้องศึกษาระบบ CMS ที่ผู้พัฒนาสร้างขึ้นมา เช่นจะต้องใส่ข้อความลงตรงไหน จะต้องแทรกภาพอย่างไร ซึ่งจะลำบากเพียงแค่ช่วงแรกเท่านั้น
3.ในการใช้งานจริงนั้นจะมีความยุ่งยากในการ set up ครั้งแรกกับ web server แต่ปัจจุบันก็มีผู้บริการ web server มากมายที่เสนอลงและ set up ระบบ CMS ให้ฟรีๆโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น